วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

จีเมล(Gmail) ใช้ทำอะไรบ้าง




จีเมล (Gmail) เป็นบริการอีเมลฟรีของกูเกิลผ่านทางระบบเว็บเมล POP และ IMAP โดยในขณะที่โปรแกรมยังอยู่ในระยะพัฒนา (เบต้า) จีเมลเปิดให้ผู้ที่ได้รับคำเชิญทดลองใช้เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2547[2] และให้บริการแก่บุคคลทั่วไปเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 หลังจากนั้นจึงออกจากระยะพัฒนาพร้อมกับบริการอื่น ๆ ของกูเกิล แอปส์เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปัจจุบันจีเมลรับรองการใช้งาน 54 ภาษารวมถึงภาษาไทย [3]
จีเมลเป็นผู้บุกเบิกการใช้ AJAX ที่ใช้งานจาวาสคริปต์และการใช้งานผ่านทางคีย์บอร์ด ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน ปัจจุบัน จีเมลเป็นบริการอีเมล์บนเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก กล่าวคือมากกว่า 425 ล้านคน

การพัฒนา

ภาษาพัฒนา

การเริ่มโครงการจีเมลของ กูเกิลนั้นเริ่มพัฒนาขึ้นมาหลายปีก่อนที่จะเปิดให้บริการ โดยในระยะแรกเริ่มของการเปิดให้บริการ จะให้สิทธิ์ในการสมัครจีเมลโดยแจกจ่ายสิทธิทางอีเมลเชิญชวนเท่านั้น จนกระทั่งต่อมาจึงได้ยกเลิกการสงวนสิทธิ์ดังกล่าว โดยเปิดให้สมัครได้กับทางเว็บไซต์โดยตรง โดยหลักแล้วภาษาที่ใช้พัฒนาคือ AJAX เป็นภาษาที่ใช้ในเว็บรุ่น 2.0 (เน้นหนักไปที่ AJAXSLT framework[ต้องการอ้างอิง]) นอกจากนี้จะมีการเรียกใช้คุณสมบัติของ JavaScript ภายในเครื่องเพื่อการรับค่าแสดงผล จีเมลสามารถรับภาษาได้มากกว่า 52 ภาษาทั่วโลก
ในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2549 จีเมลได้มีการทดลองก่อนที่ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์[4] ในญี่ปุ่น 3 กันยายน พ.ศ. 2549[ต้องการอ้างอิง] และในอียิปต์ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2549[5] นอกจากนั้นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 เปิดให้ลงทะเบียนทั้งในยุโรป อเมริกากลาง และแอฟริกา[6] จนกระทั่งระบบรองรับการใช้งาน ทำการเปิดให้ลงทะเบียนใช้งานได้ทั่วโลกโดยไม่ได้ติดป้าย ทดลองใช้ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550[6]

เครื่องบริการ

ระบบปฏิบัติการที่ให้บริการจีเมลคือ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิล GFE/1.3 server พร้อมระบบปฏิบัติการลินุกซ์[7][8]

พื้นที่เก็บอีเมล

ในระยะแรก จีเมลให้พื้นที่เก็บอีเมล 1 จิกะไบต์ต่อหนึ่งอีเมลของจีเมล และตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา[9] จีเมลจะเพิ่มพื้นที่ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน จีเมลให้พื้นที่เก็บอีเมลมากกว่า 10 จิกะไบต์ และยังคงเพิ่มขึ้นทีละน้อยอยู่ตลอดเวลา โดยหากมีการใช้งานมาก ต้องการความจุเพิ่มขึ้นจากที่ทางจีเมลให้บริการฟรี สามารถอัปเกรดได้โดยเสียค่าบริการเพิ่ม โดยความจุที่เพิ่มขึ้นจะใช้ร่วมกันระหว่างบริการ ปีกาซา กูเกิล ด็อกส์ และ จีเมล [10]

รูปร่างหน้าตา

โดยเริ่มแรก จีเมลยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ แต่ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2008 จีเมลได้เพิ่มชุดรูปแบบกราฟิกการแสดงผล (สกิน) ของกูเกิลให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้

โปรแกรมท่องอินเทอร์เน็ตที่รองรับ

จีเมลสามารถแสดงผลได้ดีตามรายชื่อต่อไปนี้ : อินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ 5.5+, มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์ 1.0+, Safari 1.2.1+, K-Meleon 0.9+, Netscape 7.1+, Opera 9+, กูเกิล โครม โดยมีการเพิ่มโค้ดในการรองรับ Firefox 2.0+ และ Internet Explorer 7 / 8
จีเมลสามารถใช้งานแบบไม่มีการใช้จาวาและอาเจ็คได้โดยมีชื่อว่า "Basic HTML view" หรือแสดงผลแบบเอชทีเอ็มแอลปกติ ในกรณีที่ไม่สามารถใช้งานในแบบปกติได้ เช่น ใช้เว็บเบราว์เซอร์รุ่นเก่า หรือไม่ได้เปิดการทำงานของจาวาสคริปต์ไว้ จีเมลจะเข้าระบบเอชทีเอ็มแอลปกติ

คุณสมบัติอื่น ๆ

คุณสมบัติของจีเมล
  • รับรองระบบ POP3 IMAP และ SMTP รองรับการเพิ่มบัญชี 5 ชื่อ
  • มีระบบการค้นหาภายใน ทั้งที่เป็นอีเมลเฉพาะหมวดหมู่ที่ผู้ใช้กำหนดขึ้น และอีเมลทั้งหมด
  • สามารถแท็ก อีเมลเพื่อแยกเป็นหมวดหมู่ได้ มีป้ายกำกับให้โดยเฉพาะ
  • มีระบบป้องกันสแปมและป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์และระบบคัดกรองจดหมายขยะด้วยตนเองได้
  • มีบริการแชทจากหน้าจอเว็บเบราว์เซอร์ ที่เรียกว่า กูเกิลทอล์ก โดยรองรับการเชื่อมต่อด้วยกล้องแล้ว
  • มีระบบบันทึกอีเมลก่อนส่ง และระบบบันทึกอัตโนมัติ (auto-save) สามารถเซฟอีเมลที่ เรากำลังพิมพ์อยู่ได้ ทำให้ถึงแม้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีปัญหา หรือเกิดไฟดับ เราอาจจะไม่ต้องมาพิมพ์ใหม่ทั้งหมดพร้อมทั้งการเก็บบันทึกไว้เป็บแบบร่างได้ ทันที
  • สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบหน้าต่างของจีเมลได้
  • บริการทั้งหมดเป็นบริการฟรี ยกเว้นการซื้อพื้นที่เก็บอีเมลเพิ่มขึ้นจากพื้นที่ที่จีเมลจัดให้
credit : http://th.wikipedia.org/wiki

Google Doodles คืออะไร

doodle คือการเปลี่ยนโลโก้ของ Google ที่สนุก ตื่นเต้น และบางครั้งก็ทำโดยไม่ได้วางแผนมาก่อนเพื่อเฉลิมฉลองวันหยุด วันคล้ายวันเกิด และชีวิตของศิลปิน นักบุกเบิก และนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย

ความคิดเกี่ยวกับ doodle มีที่มาอย่างไร
     ในปี 1998 ก่อนที่บริษัทจะก่อตั้งขึ้นเสียอีก แนวคิดในเรื่อง doodle เกิดขึ้นเมื่อผู้ก่อตั้ง Google แลร์รี่และเซอร์เกย์ เล่นสนุกกับโลโก้ขององค์กร เพื่อแจ้งข่าวว่าเขาทั้งสองได้เข้าร่วมในเทศกาล Burning Man ที่ทะเลทรายเนวาดา พวกเขาใส่ภาพวาดรูปแท่งไม้หลัง "o" ตัวที่สองในคำว่า Google และตั้งใจให้โลโก้นี้เป็นข้อความเชิงตลกขบขันที่บอกผู้ใช้ Google ว่าในขณะนั้นผู้ก่อตั้ง "ไม่อยู่ในออฟฟิศ" แม้ doodle ภาพแรกจะค่อนข้างเรียบง่าย แต่แนวคิดในเรื่องการปรับแต่งโลโก้ของบริษัทเพื่อร่วมฉลองเหตุการณ์สำคัญๆ ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น

     สองปีต่อมา (ปี 2000) แลร์รี่และเซอร์เกย์ได้ขอให้เดนนิส ฮวาง ผู้ดูแลเว็บคนปัจจุบัน โดยในเวลานั้นยังเป็นนักศึกษาฝึกงาน ช่วยออกแบบ doodle สำหรับวันชาติฝรั่งเศส ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีมากจากผู้ใช้ของเรา จนกระทั่งเดนนิสได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีมนักออกแบบ doodle ของ Google จากนั้น doodle ก็เริ่มปรากฏโฉมบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ ในหน้าแรกของ Google ในช่วงแรก doodle มักจะถูกใช้เพื่อร่วมฉลองเทศกาลวันหยุดที่เป็นที่รู้จักกันดี แต่ทุกวันนี้ doodle เน้นเหตุการณ์และวันครบรอบต่างๆ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น นับตั้งแต่วันคล้ายวันเกิดของจอห์น เจมส์ อูดูบอง ไปจนถึงไอศกรีมซันเดย์

     เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลกต่างให้ความสนใจ doodle มากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้การสร้าง doodle เป็นความรับผิดชอบของทีมงานนักออกแบบภาพที่มีพรสวรรค์ (เราเรียกพวกเขาว่า doodler) และวิศวกร สำหรับพวกเขา การสร้าง doodle ได้กลายเป็นความพยายามของกลุ่มที่จะทำให้หน้าแรกของ Google มีชีวิตชีวาและสร้างรอยยิ้มแก่ผู้ใช้ Google ทั่วโลก

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา Google ได้สร้าง doodle มาแล้วกี่ภาพ
     ทีมงานของเราได้สร้าง doodle กว่า 1,000 ภาพแล้วสำหรับหน้าแรกของเราในทั่วโลก

ใครเป็นคนเลือกว่าจะออกแบบ doodle อะไร และคุณมีวิธีตัดสินใจอย่างไรว่าเหตุการณ์ใดควรจะมี doodle
      ชาว Google กลุ่มหนึ่งประชุมร่วมกันเป็นประจำเพื่อระดมความคิดว่าเหตุการณ์ใดบ้างที่ doodle จะร่วมฉลองด้วย แนวคิดสำหรับ doodle ได้จากแหล่งข้อมูลมากมาย รวมทั้งจากชาว Google และผู้ใช้ Google เอง ขั้นตอนการคัดเลือก doodle นั้นตั้งเป้าหมายไว้ที่การร่วมฉลองเหตุการณ์และวันครบรอบที่น่าสนใจต่างๆ โดยสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกภาพ และความรักที่มีต่อนวัตกรรมของ Google ใครเป็นผู้ออกแบบ doodle
      เรามีทีมงานนักออกแบบภาพ (เราเรียกพวกเขาว่า doodler) และวิศวกรที่อยู่เบื้องหลัง ทุกๆ doodle ทั้งหมดที่คุณเห็น

ผู้ใช้ Google/คนทั่วไปจะส่งไอเดียเกี่ยวกับ doodle ได้อย่างไร
      ทีมงาน doodle ตื่นเต้นทุกครั้งที่จะได้รับฟังแนวคิดจากผู้ใช้ โดยคุณสามารถส่งอีเมลมาได้ที่ proposals@google.com พร้อมทั้งบอกแนวคิดสำหรับ doodle ต่อไปของ Google เนื่องจากทีมงานได้รับคำขอจำนวนหลายร้อยฉบับทุกวัน เราจึงไม่สามารถตอบกลับทุกๆ คนได้ แต่วางใจได้ว่าเราอ่านเมลทุกฉบับแน่นอน
credit : http://guru.sanook.com/pedia/topic/Google_Doodles

Google Goggles คืออะไร

กูเกิล ก็อกเกิล (อังกฤษ: Google Goggles) เป็นแอปพลิเคชันของบริษัทกูเกิลใน เรื่องของเป้าหมายในการทำงาน ขอบเขตของการทำงาน เทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนา วิธีการใช้งานเบื้องต้นและประโยชน์ที่ได้จากการใช้แอปพลิเคชัน รวมทั้งจะมีการกล่าวถึงทิศทางในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ทางบริษัทกูเกิลม องไว้ และปริมาณความต้องการของผู้ใช้ในอนาคต
                ในปัจจุบันระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ของทางบริษัทกูเกิล กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งฝั่งผู้ใช้งานและผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน รวมไปถึงผู้ผลิตดว้ย อาจเป็นเพราะเนื่องมาจากแอนดรอยด์เป็นโปรแกรมโอเพนซอร์ซ ซึ่งนั่นหมายความว่าบริษัทผู้ผลิตมือถือและแท็บเล็ตต่าง ๆ สามารถนำไปใช้งานกับสินค้าของบริษัทตนได้ฟรี ในส่วนของผู้พัฒนาแอปพลิเคชันก็สามารถพัฒนาแอปพลิเคชันบนแอนดรอยด์ได้ฟรี แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายตอนลงวางขายเท่านั้นเอง และในส่วนของผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันส่วนใหญ่มาใช้งานได้ฟรีจาก Android Market และด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ทำให้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
                 บริษัทกูเกิล มีแนวคิดจะพัฒนาเสิร์ชเอนจิน บนมือถือ จึงมีการพัฒนาแอปพลิเคชันชื่อ กูเกิล ก็อกเกิล ขึ้นมาซึ่งเป็นแอปพลิเคชันแบบ Mobile Visual Search ที่ใช้รูปภาพในการค้นหาข้อมูล ดังคำสุภาษิตของจีนว่า “รูปภาพสามารถแทนคำได้เป็นพัน ๆ คำ” การใช้งานไม่ซับซ้อน โดยเปิดแอปพลิเคชันนี้ขึ้นมา แล้วถ่ายสิ่ง ที่เราอยากจะทราบว่าคืออะไร สักครู่จะมีเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องขึ้นมาให้ ไม่จำเป็นต้องพิมพ์ข้อความเพื่อค้นหาอีกแล้ว ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงพัฒนาเพื่อให้สามารถค้นหาทุกสิ่งด้วยรูปภาพได้ ณ ตอนนี้สิ่งที่ กูเกิล ก็อกเกิล สามารถค้นหาแล้วได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจได้แก่ หมวดของหนังสือและปกกล่อง ดีวีดี, สถานที่, โลโก้สินค้า, ข้อมูลการติดต่อ, ชิ้นงานศิลปะ, ธุรกิจห้างร้าน, บาร์โค้ด, ขวดไวน์ และตัวอักษร โดยการค้นหาสำหรับตัวอักษรนั้นนอกจากจะค้นหาได้แล้วยังเอาไปแปลภาษาด้วยกูเกิล ทรานสเลต ได้อีกด้วย เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดควรถ่ายภาพในแนวนอน ส่วนหมวดภาพที่กำลังพัฒนาอยู่ ได้แก่ ใบหน้าของบุคคล, ใบไม้, อาหาร, สัตว์, เฟอร์นิเจอร์, รถ, เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ เป็นต้น และล่าสุดตอนนี้กับกูเกิล ก็อกเกิล เวอร์ชัน 1.3 ที่สามารถค้นหารูปภาพในหมวดโฆษณาบนหน้าหนังสือพิมพ์และตามนิตยาสารต่าง ๆ ไดแล้ว นอกจากนี้สามารถนำรูปที่มีอยู่ในเครื่องไปค้นหาในแอปพลิเคชันได้เช่นกัน และที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือสามารถแก้ปัญหาเกมซูโดะกุได้
ปัจจุบันแอปพลิเคชันนี้สามารถใช้ได้กับแอนดรอยด์ทุกรุ่นที่ลง Firmware 1.6 ขึ้น และมีความละเอียดหน้าจออย่างน้อยในระดับ QVGA และมีกล้องที่มี Auto focus ส่วนในฝั่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทแอปเปิล มี IPhone 4 และ IPhone 3GS
นอกจากนี้ กูเกิล ก็อกเกิลยังมีบริการในส่วนของประวัติการสืบค้นที่ทำให้ผู้ใช้สามารถดูและ จัดการกับรูปภาพที่ได้เคยถ่ายเอาไว้ได้ โดยรูปภาพเหล่านั้นและข้อมูลที่ระบุตำแหน่งของผู้ใช้ตอนที่ใช้รูปภาพนั้น ในการค้นหาข้อมูล ทางกูเกิลจะทำการเก็บไว้ให้เพื่อที่จะได้พัฒนาการบริการต่อไป ถ้ารูปภาพที่บันทึกไว้ในส่วนประวัติใกล้เต็ม จะมีการเตือนบอกจากตัวแอปพลิเคชัน หรือถ้าใน History รุปภาพเต็มแล้วแต่ user ยังคงถ่ายต่อ ทางแอปพลิเคชันจะทำการลบรูปภาพเก่าทิ้งเพื่อที่จะได้มีที่ว่างสำหรับรูปภาพ ใหม่โดยอัตโนมัติ และถ้าหากว่าเราไม่ต้องการที่จะบันทึก History ไว้สามารถทำการ Disable history ได้

ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง

Optical Character Recognition (OCR)

กระบวนการกลไกหรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในการอ่านข้อความที่เขียนด้วย มือ หรือที่ถูกพิมพ์มาแล้วไปเป็นข้อความที่สามารถถูกจัดการได้โดยคอมพิวเตอร์ โดยแบ่งเป็น 2 วิธี คือ - Matrices matching (Pattern matching) ตัวอักษรที่ถูกสแกนเข้ามาจะต้องเหมือนรูปแบบของตัวอักษรที่ OCR จดจำไว้ ซึ่งจะต้องเหมือนกันในระดับหนึ่ง จึงจะสามารถบอกได้ว่าเป็นตัวอักษรใด - Feature Extraction โดยจะยืดหยุ่นกว่าแบบแรกคือไม่ต้องมีรูปแบบมาตรวจสอบ (Intelligent Character Recognition, ICR) โดยจะใช้ Google Goggles ถ่ายภาพข้อความแล้วเอาไปแปลภาษา หรือเอาไปค้นหาข้อมูลต่อ เป็นต้น โดย OCR มีการจดจำรูปแบบของตัวอักษรไว้แล้วจึงสามารถแปลงข้อความหรือตัวอักษรจากภาย นอกมาเป็นตัวอักษรหรือข้อความในคอมพิวเตอร์ได้ โดยจะวิเคราะห์จาก และในบางระบบสามารถแปลงตัวอักษรเหล่านั้นมาได้เหมือนตัวอักษรดั้งเดิมเลยที เดียว (กรณีเขียนด้วยมือ)

Object Recognition

เป็นกระบวนการหนึ่งในของ Image processing โดยทำการวิเคราะห์รูปภาพจากลักษณะจริงของรูปภาพนั้นไม่ว่าจะเป็น สี, รูปทรงทางเรขาคณิต, หาขอบ มุมของภาพ แล้วนำลักษณะที่ได้จากการวิเคราะห์ไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลของทาง Google ที่มีอยู่แล้วว่าตรงกันหรือคล้ายคลึงกันหรือไม่อย่างไร แล้วจึงส่งข้อมูลกลับมายังฝั่งผู้ใช้ ซึ่งผลที่ได้นั้นจะให้ผลแม่นยำกว่าการค้นหาด้วยคำ และตรงตามที่ผู้ใช้ต้องการ
credit : http://th.wikipedia.org/wiki

Google Street View คืออะไร ? ใช้กล้องอะไร ?

Google Maps อัพเดทเทคโนโลยีล้ำโลกกับ iTAllNews.com หลังจาก Google Maps เปิดตัว Street View ได้ไม่นาน ล่าสุดสามารถใช้งานได้ในประเทศไทยแล้ว เป็นเมืองใหญ่ ได้แก่กรุงเทพม ปริมณฑล ภูเก็ต เชียงใหม่ รับชมกันแบบ 360 องศา ทุกซอกทุกมุมกันเลย เป็นจุดเปลี่ยนของการดูแผนที่แบบเดิมๆ ที่เคยมีมา  สามารถใช้งานบน Computer และ  iPad, iPhone iOs ได้แล้ววันนี้กับ " Google Maps with Street View " + พร้อมวิธีการใช้งาน และเทคนิคการใช้งาน
Google Street View คืออะไร ? ใช้กล้องอะไร ?

กูเกิ้ล สตรีท วิว นับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Google Map โดยการใช้งานจะเป็นการเชื่อมต่อกัน เมื่อเราทำการ Zoom in แผนทีไปที่ ขนาด 20ม. ต่อ 100ฟุต (ใหญ่สุด) และเมื่อเรา Zoom in ต่อไปอีกก็จะพบกับ Mode Street View ที่เป็นภาพถ่ายแบบ 360 องศา มุมมอง 45 องศาจากทาอากาศ และสามารถดูสิ่งปลูกสร้าง 3 มิติได้ทั้งหมด การเก็บภาพนั้นเป็นการเก็บภาพจากกล้องถ่ายภาพพิเศษของ Google (ตามภาพบน) สำหรับประเทศไทยนั้นมีแผนจะทำให้ได้ทั่วประเทศโดยใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี ถึงจะสามารถทำได้ทั่วประเทศไทย โดยเริ่มจากเมืองใหญ่ๆ อย่าง กรุงเทพ ปริมณฑล ภูเก็ต เชียงใหม่ เป็นต้น


วิธีการใช้งาน Google Street View บน iOs iPad, iPhone
  STEP1: เปิด iPad, iPhone ขึ้นมาจากนั้นเข้าไปที่ Google Map ครับ


  STEP2: เค้นหาสถานที่ที่ต้องการ (ยังเป็นในกรุงเทพ และเมืองใหญ่) อย่างเช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากนั้นเลือกไปที่ Mark Point หากจุดไหนที่เราค้นหามี โลโก้สีส้มขึ้นมาจากภาพ แสดงว่าสามารถใช้งาน Google Street View ได้ กดไปเลยครับ


  STEP3: เมื่อกดเข้าไปก็จะพบกับมุมมอง 360 องศา เราสามารถคอนโทรลกล้อง หมุนได้รอบตัว ทั้งยัง (1) เปลี่ยนมุมมองและจุดที่เรายืนไปตามถนนได้ โดยการกดที่ลูกศร และยัง (2) สามารถปรับมาเป็น Mode แผนที่ปกติได้อีกด้วย 
                 
                   สำหรับสถานที่ที่มีให้บริการ รูปของ สตรีทวิว จะปรากฏหลังจากขยายภาพจากมุมที่สูงในแผนที่และภาพถ่ายดาวเทียม และโดยการลากไอคอน "เพ็กแมน" ลงบนสถานที่ในแผนที่ การใช้แป้นพิมพ์หรือเมาส์ทำให้ทิศทางการดูทั้งแนวนอนและแนวตั้ง รวมถึงระดับการขยาย สามารถเลือกได้ เส้นทึบหรือเส้นประในภาพ แสดงให้เห็นเส้นทางตัวอย่าง.....และมีลูกศรช่วยเชื่อมโยงไปยังภาพถัดไปในแต่ ละทิศทางบริเวณทางแยกและจุดตัดของเส้นทาง..., ลูกศรมากมายถูกแสดงขึ้น ในการใช้แผนที่ของ กูเกิล ผู้ใช้สามารถเปิดสเตโรสโกปิก โหมด 3 มิติ โดยการคลิกขวาบนพื้นถนนเพื่อให้แสดงผลเป็นมุมมองระบบภาพสามมิติของภาพพื้น ถนน อย่างไรก็ตามโหมดนี้แนะนำให้ผู้ใช้สวมใส่แว่นตาสีแดง หรือสีเขียวอมน้ำเงินเพื่อให้การแสดงภาพระบบ 3 มิติมีประสิทธิภาพ
                   วันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2008 มุมมองภาพบนพื้นถนน ถูกบันทึกอยู่ในโปรแกรมแผนที่ที่ติดตั้งบนไอโฟน เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2551 มุมมองภาพบนพื้นถนน ถูกบันทึกอยู่ในโปรแกรมแผนที่สำหรับS60 3rd Edition ซึ่งณ ปัจจุบันนี้มุมมองภาพพื้นถนน เพิ่มโปรแกรมกูเกิล แมปส์ เพื่อให้สามารถติดตั้งบนเครื่องแบล็คเบอร์รี และมือถือระบบปฏิบัติการวินโดวส์ได้ โดยมุมมองภาพพื้นถนนของโปรแกรมกูเกิล แมปส์ ทุกรุ่น ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อใช้กับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ อยู่แล้ว ไม่เพียงเท่านั้น แต่ยังมีเข็มทิศดิจิตอลที่ใช้ในการมองไปยังรอบ ๆ สถานที่ต่าง ๆ ได้อีกด้วย




มาทำความรู้จักกับรถ Google Street View
รถ Google Street View คือรถสำหรับเก็บภาพสถานที่จริงในมุมมองภาพพาโนรามา 360 องศา เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดูผ่าน Google Maps ได้ โดยเริ่มแรกของการทำ Street View เป็นโครงการทดลองนั้น ทางกูเกิลได้ติดตั้งคอมพิวเตอร์หลายเครื่องเข้าไปที่ด้านหลังของรถ SUV ติดกล้อง เลเซอร์ และอุปกรณ์ GPS ไว้ที่ด้านบน แล้วขับไปรอบ ๆ เพื่อเก็บรวบรวมภาพแรกของโครงการ หลังจากนั้นก็มีความก้าวหน้าไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่เริ่มให้บริการในสหรัฐอเมริกาในปี 2007 โดยได้ทำการขยายมุมมองของภาพให้เป็นแบบพาโนรามา 360 องศาเพื่อให้ครอบคลุมสถานที่ต่าง ๆ ทั่วทั้ง 7 ทวีป สำหรับการทำงานหลัก ๆ ของรถ Google Street View นั้นแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อ ดังนี้

การเก็บภาพ - ต้องขับรถไปยังสถานที่จริง และถ่ายรูปภาพสถานที่เพื่อมาแสดงใน Street View ซึ่งต้องใส่ใจกับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศหรือความหนาแน่นของประชากรในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อกำหนดเวลาและสถานที่ที่สามารถเก็บรวบรวมภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไป ได้

การจัดแนวภาพ - เพื่อให้ภาพแต่ละภาพตรงกับตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์บนแผนที่ โดยการรวมสัญญาณจากเซ็นเซอร์บนรถที่วัดสัญญาณ GPS ความเร็ว และทิศทาง ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างเส้นทางที่ถูกต้องของการเดินทางด้วยรถขึ้นมาใหม่ หรือแม้กระทั่งการเอียงและการปรับภาพใหม่ตามที่จำเป็น

การแปลงภาพเป็นภาพพาโนรามา 360 องศา - เพื่อไม่ให้มีช่องว่างในภาพพาโนรามา โดยกล้องที่อยู่ติดกันจะถ่ายภาพทับซ้อนกันเล็กน้อย จากนั้นก็ทำการรวมภาพถ่ายเข้าด้วยกันให้เป็นภาพแบบ 360 องศาภาพเดียว แล้วก็ใช้อัลกอริทึมการประมวลผลภาพชนิดพิเศษเพื่อลดรอยต่อของภาพและสร้างการ เชื่อมต่อที่เรียบไม่สะดุด

การแสดงภาพที่ถูกต้อง - ระยะเวลาที่เลเซอร์ของรถทั้งสามจุดสะท้อนกลับจากพื้นผิวจะเป็นตัวบอกให้ทราบ ว่าอาคารหรือวัตถุอยู่ห่างเท่าใด ทำให้สามารถสร้างแบบจำลอง 3 มิติขึ้นมาได้ และเมื่อเราเคลื่อนไปยังบริเวณที่อยู่ห่างออกไป แบบจำลอง 3 มิติจะหาภาพพาโนรามาที่ดีที่สุดของตำแหน่งนั้นเพื่อแสดงให้เราเห็น




credit : http://www.kalasin3.go.th/view.php?article_id=2284